หากจะพูดถึงใครสักคนหนึ่ง ที่เป็นนักเตะในเชิงเล่นฟุตบอล แบบมันสมอง และเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ชื่อของนักเตะอย่าง
เดนิส เบริก์แคมป์ ต้องมีอยู่ในรายชื่อด้วยแน่นอน เพราะด้วยทักษะ และความสามารถของนักเตะฮอลแลนด์ผู้นี้ จึงถูกยกเป็นตำนาน เพราะตัวเค้าเองนั้นตั้งแต่สมัยเด็ก ที่เล่นอยู่ในสโมสรอาแจ๊กซ์ นั้น เค้าเคยถูกจับเล่นมาทุกตำแหน่งในสนามแล้ว
นั่นจึงทำให้เค้ามีเซนส์บอลที่เหนือกว่าคนอื่น เค้าเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก และได้เป็นเยาวชนตั้งแต่อายุสิบเอ็ดปี จนอายุสิบเจ็ด เค้าได้รับโอกาสอย่างสุดยอดตำนาน อย่าง โยฮัน ครัพฟ์ ให้ลงสนามในชุดใหญ่ เป็นครั้งแรก จนทำให้เค้าเป็นตำนานคนต่อมาและเค้าสามารถเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของ ลีกฮอลแลนด์และดาวซัลโวถึงสองสมัย
จนเป็นที่หมายปองของยักษ์ใหญ่ในยุโรป ก่อนที่ย้ายไปทีมงูใหญ่ของอินเตอร์มิลาน แต่แล้วเหมือนตัวเค้าเองก็เลือกทีมผิด เพราะทีมงูใหญ่ ไม่ได้เล่นเกมบุก เหมือนทีมอาแจ๊กซ์ จึงทำให้ฟอร์มของเค้าไม่เหมือนตอนอยู่ฮอลแลนด์ แถมยังมีปัญหากับสื่ออิตาลี ที่พยายามคุยขุ้ยและยุ่งเรื่องส่วนตัวของเค้า จึงทำให้เค้าตัดสินใจที่อยากย้ายออกจากอิตาลีและในที่สุด
คนเก่งก็มักจะมีคนต้องการเสมอ ด้วยความสามารถของเค้าที่ถูกติดตามมาตลอด อย่างสโมสรอาร์เซนอล พร้อมกับผู้จัดการทีมอย่างอาแซน เวนเกอร์ ซึ่งนั่นคือ ก้าวที่เป็นตำนานอย่างแท้จริง โดยการดึงตัวไปร่วมทีมปืนใหญ่ และเพียงแค่ฤดูกาลแรกของเค้า ก็ตอบแทนความไว้ใจ ด้วยการทั้งจ่ายและยิง และสร้างเกมอย่างชาญฉลาด พอฤดูกาลที่สองเค้าก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ปาดหน้าแซงแมนยูได้ ทั้งๆ ที่วัน Boxing day ยังมีแต้มตามหลังแมนยู ถึง สิบสองแต้ม แต่ตั้งแต่วันนั้น ทีมปืนใหญ่ ไม่แพ้ใครเลย จนกลายเป็นแชมป์แรก แถมปีนั้น
เค้าและอาร์เซนอลยังคว้า ดับเบิ้ลแชมป์อีกด้วยซ้ำ จากนั้นพอมาถึงฟุตบอลโลกปี 1998 เค้าได้ยิงลูกตำนานของฟุตบอลโลก ในรอบแปดทีมสุดท้ายที่เจอกับอาร์เจนติน่า ที่โยกหลอกหลบ โรเบอร์โต้ อยาล่า จนส่งผลให้ทีมชาติทะลุเข้ารอบรองฯ
โดยตลอดสิบเอ็ดฤดูกาลของเค้ากับอาร์เซนอล เค้าได้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสามสมัย และเอฟเอคัพ อีกสี่สมัย ซึ่งหนึ่งในสามสมัยของพรีเมียร์ชิพนั้น เค้าสามารถทำสถิตยุคไร้พ่ายได้ด้วย ซึ่งต้องบอกว่าแชมป์ทั้งหมดนี้ เค้าร่วมสร้างตำนานเหล่านี้อยู่ด้วยทุกครั้ง จนในปี 2006 นั่นคือฤดูกาลสุดท้ายของเค้ากับอาร์เซน่อล และเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเค้าในอาชีพนักฟุตบอล และก็แขวนสตั๊ดที่สโมสรแห่งนี้