ไนจีเรีย ชุดแชมป์ประวัติศาสตร์

หากจะพูดถึงทีมจากแอฟริกาสักหนึ่งทีมที่ทำผลงานได้ดีในระดับฟุตบอลนานาชาตินั้น คงไม่มีทีมไหนที่สร้างผลงานได้ดีไปกว่าทีมชาติไนจีเรีย หรือฉายาที่ว่าอินทรีย์มรกต

โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิค ที่ครั้งหนึ่งเคยคว้าแชมป์มาแล้ว เพราะการแข่งขันในครั้งถือว่าแต่ละทีมชาติที่ส่งผู้เล่นมาแข่งนั้นเป็นตัวระดับท็อปๆทั้งนั้น ไม่ว่าบราซิล ก็จะมีโรนัลโด้ ริวัลโด้  หรือทีมชาติเสปนก็จะมีพวก ราอูล กอนซาเลซ ส่วนทีมชาติอิตาลีก็จะมีพวกบุฟฟ่อน และคันนาวาโร่ ซึ่งครั้งนั้น เจ้าภาพคือประเทศอเมริกา 

โดยเส้นทางของทีมชาติไนจีเรียในรอบแรกนั้น ต้องจับไปอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมชาติฮังการี ทีมชาติญี่ปุ่น และทีมชาติบราซิล ซึ่งในนัดแรกนั้นทีมชาติไนจีเรียสามารถเอาชนะทีมชาติฮังการี ไปได้ และมาชนะทีมชาติญี่ปุ่นได้เช่นดียวกัน จนมาในนัดสุดท้ายนั้นก็ไม่อาจต่อกรสู้กับทีมชาติบราซิลได้ซึ่งก็แพ้ไปตามระเบียบ

แต่ก็ยังโชคดีที่เข้ารอบมาได้ด้วยประตูได้เสียที่ดีกว่าทีมชาติญี่ปุ่น จนเข้ารอบแปดทีมสุดท้ายได้ไปเจอทีมเม็กซิโก แต่ก็สร้างเซอร์ไพรสเอาชนะไปได้ จนได้เข้ารอบรองชนะเลิศ กลับมาเจอกับทีมชาติบราซิลอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนรอบแรก

เพราะทุกอย่างเกิดการพลิกล็อค ด้วยการเอาชนะด้วยภาพประวัติศาสตร์ทั้งๆที่ครึ่งแรกนั้น บราซิลขึ้นน้ำไปก่อนสามประตูต่อหนึ่ง จนไปถึงนาทีที่เจ็ดสิบแปดไนจีเรียไล่มาเป็นสองประตูต่อสาม และดราม่าเกิดขึ้นในนาทีสุดท้ายที่มายิงประตูตีเสมอได้สามประตูต่อสาม และการต่อเวลาในยุคนั้นเป็นกฎแบบโกลเด้นโกล และเริ่มการต่อเวลาไปได้เพียงแค่สี่นาที ทีมชาติไนจีเรียมายิงประตูได้

จนส่งผลให้ทีมชาติไนจีเรียผ่านเข้ารอบชิงไปได้ และเข้าไปเจอทีมอเมริกาใต้อีกทีหนึ่งคือ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่มียอดนักเตะอย่าง เฮอร์นัน เครสโป และทีมชาติอาร์เจนติน่านั้น โชว์ฟอร์มชนะรวดมาตลอดจนถึงนัดชิง และทุกก็อย่างก็เหมือนจะง่ายสำหรับอาร์เจนติน่า ที่การแข่งขันดำเนินมาถึงเจ็ดสิบสี่ ในขณะที่อาร์เจนติน่ากำลังนำอยู่ที่สองประตูแต่หนึ่ง

แต่สามารถตีเสมอได้ และใครจะเชื่อว่านาทีสุดท้ายนั้น ทีมชาติไนจีเรีย สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการยิงประตูชัยไปอย่างเหลือเชื่อ และสร้างคว้าแชมป์ไปได้อย่างพลิกล็อคทั่วโลก ซึ่งใครจะเชื่อว่าทีมจากแอฟริกาใต้ อย่างไนเจียเรีย ทีมนี้จะสร้างประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจารึกว่า พวกเค้าคือทีมเดียวในแอฟริกาใต้ ที่ทำได้

 

สนับสนุนโดย  letou

เรื่องนี้ถูกเขียนใน ข่าวกีฬา และติดป้ายกำกับ , คั่นหน้า ลิงก์ถาวร